ปัจจัยเสี่ยงของโรคไขมันพอกตับ

โดยทั่วไปโรคไขมันพอกตับไม่ทำให้เกิดอาการทางร่างกาย หรือหากมีอาการก็อาจเป็นอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจงมากพอที่จะบ่งบอกโรคได้ เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้เล็กน้อย รู้สึกตึงบริเวณใต้ชายโครงขวา โดยส่วนใหญ่การตรวจพบโรคไขมันพอกตับจึงมักพบเมื่อผู้ป่วยเข้ารับการเจาะเลือดตรวจสุขภาพประจำปีหรือตรวจทางการแพทย์ด้วยเหตุผลอื่นๆ

ปัจจัยเสี่ยงของโรคไขมันพอกตับ

  • โรคอ้วน ประมาณร้อยละ 20 ของคนที่เป็นโรคอ้วนจะมีโรคไขมันพอกตับอยู่ด้วย
  • น้ำหนักตัวมากเกิน (ดัชนีมวลกายหรือ BMI 23-25) ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 25 แปลว่าอ้วน
  • ค่าดัชนีมวลกาย = น้ำหนัก (กิโลกรัม) / ส่วนสูง2 (เมตร)
  • เบาหวาน
  • ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มาก
  • รับประทานอาหารที่มีรสหวานมากเกินไป เช่น ดื่มชาเขียวที่มีรสหวานแทนน้ำ

แนวทางในการป้องกันและลดความเสี่ยงจากโรคไขมันพอกตับ

  • หากมีน้ำหนักตัวมาก ควรลดน้ำหนักโดยให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย เช่น 0.5 – 2  กิโลกรัม/เดือน จนกระทั่งน้ำหนักตัวลดลงจากเดิมร้อยละ 5-10
  • ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน หากเป็นไปได้ควรออกกำลังกายทั้งแบบแอโรบิกและแบบมีแรงต้าน เช่น เดินเร็วครึ่งชั่วโมง แล้วตามด้วยการยกน้ำหนักแบบแรงกระแทกต่ำ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีไขมันต่ำ กากใยสูง และให้พลังงานต่ำ
  • หากเป็นเบาหวานหรือไขมันในเลือดสูง ควรควบคุมโรคให้ดีด้วยการรับประทานยาตามแพทย์สั่ง ควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย
  • แนะนำปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่นอกเหนือจากแพทย์สั่ง เพราะอาหารเสริมไม่มีสรรพคุณในการป้องกันและรักษาโรค
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ